วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

รีวิวผลตอบแทนสลาก ธกส เงินต้น 1 ล้านบาท ระยะเวลา 1 ปี

ผู้เขียนได้ทำการซื้อสลาก ธกส หน่วยละ 100 บาท 10000 หน่วยเป็นจำนวนเงิน 1 ล้านบาท
อย่างแรก สลาก ธกส จะการันตีถูกรางวัลเลยแต่ละเดือน เงิน 1 ล้านบาท จะถูกรางวัลแน่ๆ 990 บาท
12 เดือน = 11880 บาท ที่ได้แน่นอนเปรียบเสมือนดอกเบี้ย
คิดเป็น 11880/1000000 *100= 1.18%
ส่วนนี้จะไม่เสียภาษีซักบาท ถือว่าดีกว่าฝากออมทรัพย์ที่ดอกเบี้ยออมทรัพย์น้อยนิดกระจิดริด
อย่างที่สอง เราจะได้ลุ้นแต่ละงวด เหมือนหวย
รางวัลสูงสุด 6 ล้านบาทสำหรับชุดเกษตรมั่งคั่ง
ผู้เขียนถูกรางวัล 1000 บาทในเดือน มีนา 62
ถือว่าเป็นโบนัสแม้มั่นจะน้อยก็ตาม 5555555
ข้อดีของสลาก ธกส คือถ้าฝากเท่ากับขั้นต่ำที่การันตีรางวัล เราก็จะได้ดอกเบี้ยดีกว่า ฝากออมทรัพย์
แถมได้ลุ้นรางวัลทุกงวดเหมือนหวย
โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อหวยฟรีๆทุกงวด
อีกอย่างถ้าเกิดหมุนเงินไม่ทัน เราสามารถเอาสบาก ธกส ยื่นขอกู้เงินได้ จะได้เงินกู้ 95% ของสลาก
ดอกเบี้ยเงินกู้ก็ถูกมาก ประมาณ 4% ต่อปี
เผื่อเอาไว้หมุนเงินระยะสั้นๆ
เป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากๆครับ
ถ้าให้ผมแนะนำ ลองเปลี่ยนเงินที่ซื้อหวยมาซื้อสลาก ธกส หรือออมสินเดือนละ 5000 ไปเรื่อยๆ
รับรอง 5 ปีทุกคนจะมีเงินเก็บหลายแสนแน่ๆครับ

วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2562

ทางรอดที่จะทำให้ชีวิตหลุดพ้นจากความยากจนมีทางเดียว

มีน้องคนหนึ่งมาแชทปรึกษาการเทรด ในเพจการเทรดหุ้นกับ forex ของผม ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
น้องได้รับทุนจากกองทุนออสเตรเลียด้วยเช่นกัน
สอบถามน้องอายุเท่าไร น้องบอกอายุ 20 เทรดตั้งแต่อายุ 14
ตกใจและชื่นชม เพิ่งเจอน้องอายุน้อยๆเก่งและเทรดแบบวิธี close system จำกัดความเสี่ยงให้น้อยมากที่สุดก่อนเอากำไร
ไม่เคยเห็นน้องอายุน้อยๆเทรดแบบนี้ ส่วนใหญ่จะเอากำไร การเทรดแบบนี้ต้องเข้าใจความเสี่ยงและอดทนต่อการยั่วยุเอากำไรเว่อๆมาก
หายากคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นแบบนี้ มีวินัย ขยันและเก่ง หันมามองใกล้ๆตัว เอ่อ หายากจริงวะแบบนี้ 555 (ตอนผมอายุ 20 ตอนนั้นก็ไม่ได้ทำไร ไม่มีเงิน ได้วันละ 100 จากที่บ้านให้กิน 3 มื้อในกทม ไปสมัครงานร้านอาหาร ซอยคุณหญิง เค้าก็ไม่รับ)
เมื่อเดือนที่แล้วผมโอนเงินส่งเด็กคนนึงเรียน ป.ตรี หลังจากที่สัญญาไว้ถ้าสอบติดจะออกค่าเรียนให้
ผมพยายามเรียกมาสอนมาบอกทั้งที่จริงไม่อยากยุ่งเลย เปลืองตัวเปลืองเงิน แต่ไหนๆก็จะส่งเรียน 4 ปีแล้ว
ก็ต้องมาอบรมก่อน
พยายามบอกเตือนคนรุ่นใหม่ว่าให้ขยัน อดทน ยิ่งถ้าเราวาสนาไม่ดีพ่อแม่ไม่รวย เราต้องขยันมากกว่าคนอื่นร้อยพันเท่า (ถ้าวาสนาดีพ่อแม่รวย จะไม่ยุ่งเลย แล้วแต่เลยครับ)
การขยัน อดทน พัฒนาตัวเองมันเป็นทางเดียวที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากความลำบากยากจนในทางที่ถูกต้อง
เป็นทางที่โคตรหนักและเหนื่อยสุดๆ แต่ถ้าผ่านได้ก็สบายตลอดชีวิต
มันไม่มีทางลัดอื่นจริงๆ
ไม่รู้จะเชื่อผมไหม แต่ได้แต่ปลง เพราะชีวิตใครชีวิตมัน
โอกาสดีดีในชีวิตคนเรามีแค่ครั้งสองครั้ง หลุดไปแล้วก็หลุดไปเลยไม่มีหวนคืนกลับ
หันไปมองคนรุ่นใหม่ๆก็อยากจะแชร์ประสบการณ์ที่ผมผิดพลาดมาให้หลายๆคน
แต่ไม่ยุ่งดีกว่า เดี๋ยวโดนด่าลับหลัง 55
ชีวิตใครชีวิตมัน แล้วเราจะคิดได้เมื่อตอนใกล้ 40
ทั้งที่เพื่อนเราหลายคนตอนนั้นไปไกล มั่นคงทุกๆอย่าง
แล้วสุดท้ายเราจะมาโทษโชคชะตาวาสนา โทษคนอื่น
ยกเว้นโทษตัวเราเอง

วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2562

ปรับตัว? คือทางรอดของธุรกิจ SMEs หรือความเศร้าเสียใจของพนักงาน

อ่าน comment เรื่องธุรกิจ SMEs ล้มหายตายจากในยุคนี้เยอะขึ้นในสื่อออนไลน์ ทั้ง facebook และ pantip แล้วมีเรื่องอยากจะบอกในอีกมุมของคนทำธุรกิจ SMEs ที่หลายๆคนชอบ comment ให้ปรับตัว

อยากจะอธิบายให้ฟังในฐานะผมทำธุรกิจร้านเฟอร์นิเจอร์นะครับ ถามว่าปรับตัวไหม ทุกวันนี้ผมมีทั้ง page google business ig และ line@
ถามต่อผมซื้อโฆษณาออนไลน์ไหม ซื้อครับ

มีให้ผ่อนบัตรเครดิตไหม มีครับ 0% ด้วยและมั่นใจว่าถูกกว่าห้างใหญ่

ถามว่าอยู่ได้ไหม อยู่ได้ครับ เพราะผมไม่มีหนี้ ถ้าผมมีหนี้ผมเครียดอยู่ไม่ได้แล้วครับ ผมพอเพียงและมีเงินพอที่จะอยู่แบบสบายแบบไม่ฟุ่มเฟือย

มันไม่ใช่แค่คำว่าปรับตัว ที่พิมกันอยู่ ถ้ามาค้าขายทำธุรกิจจะรู้ มันมากกว่าคำว่าปรับตัว มันมีปัจจัยอะไรหลายๆอย่าง ส่วนนึงเพราะประชากรเกิดน้อย ภาพรวมเศรษฐกิจ NPL มันสูง สินค้าที่ไม่ใช่พื้นฐาน เช่นเฟอร์นิเจอร์คือสินค้าที่ฟุ่มเฟือย ไม่มีเงินเหลือจะไม่ซื้อ

มันมีอะไรมากกว่าคำว่าปรับตัว ถ้าไปดูผลประกอบการบริษัทใหญ่ๆ เกือบทุกบริษัท ทุกธุรกิจ ยอดขายกำไรตกหมดครับ ตกแบบน่าตกใจด้วยนะครับ

ทุกวันนี้ทุนใหญ่เลยลงมาเล่นออนไลน์เอง กดราคาเองเพื่อรักษายอดขายโดยเอากำไรน้อยลง เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค

แต่อย่าลืมนะครับ ถ้าเป็นแบบนี้ทุกธุรกิจ SMEs ที่มีหนี้และค่าใช้จ่ายสูงจะอยู่ไม่ได้ เมื่อนั้นกระทบเป็นลูกโซ่ การจ้างงานจะลดลง พอลดลงคนไม่มีงาน ไม่มีเงินก็ไม่ซื้อของใดใดทั้งสิ้น ไม่มีเงินจ่ายหนี้ที่เหลือ ธุรกิจอย่างอื่นก็ล้มเป็นโดมิโน่ คนที่บอกให้ปรับตัวอาจจะเป็นพนักงานบริษัทใดบริษัทนึงที่เค้ากำลังสู้อยู่ เค้าปรับตัวสู้แล้วนะครับ อยากจะบอกให้ทราบ และสิ่งแรกในการสู้คือการจ้างคนออก เพราะลดต้นทุนนะครับ หลักการของการทำธุรกิจ ไม่มีบริษัทอยากจ้างคนออกหรอกครับ แต่ถ้าถึงคราวที่หลายๆคนบอกง่ายๆว่าปรับตัว ก็ต้องจ้างออกเพื่อลดค่าใช้จ่าย

SMEs ไม่ได้สู้แค่ทุนใหญ่และออนไลน์ในไทยนะครับ ตอนนี้เราสู้ด้วยออนไลน์จีน อาลีบาบาที่สั่งใน aliexpress หรือ Lazada ของไม่กี่บาทส่งฟรี แถมจีนไม่เสียภาษีให้ไทยและ Lazada ได้สิทธิ์เสียภาษีน้อยมากตาม BOI ทำให้ เงินดูดไปจีนหมดนะครับ

SMEs เสียภาษีให้ประเทศด้วย ประเทศเรามีสวัสดิการเพราะส่วนหนึ่งคือ SMEs จ่าย แต่วันใดที่ SMEs ล้ม วันนั้น ประเทศจะเอาอะไรไปจ่ายสวัสดิการละครับ

ถามว่า ทุนใหญ่ที่ลดราคาแข่งกับ SMEs จ่ายภาษีแล้วมากกว่า SMEs ทั้งประเทศหรือเปล่า ผมเดาว่าไม่ใช่ เพราะเค้ามี rate เสียภาษีที่แน่นอนนะครับ

ควรมีมาตรการช่วย SMEs มากกว่าบอกให้ปรับตัว ผมว่าหลายคนปรับแล้วแต่ไม่ไหวเหมือนกันนะครับ

ทำไมเมกาต้องตั้งกำแพงภาษีจากจีน เหตุผลเดียวกันกับ SMEs สู้ทุนใหญ่ สายป่านและอะไรหลายๆอย่างต่างกันนะครับ

ผมเห็นด้วยว่าผู้นำเราต้องเก่งและช่วย SMEs กันมากกว่านี้ แต่น่าเสียดายผมเห็นแต่ละพรรคมีประชานิยม ทำลาย SMEs มากกว่า ถ้าว่าค่าแรงเพิ่มขึ้น แต่ SMEs ขายของได้น้อยลง เพราะทุนใหญ่ลงมากดราคาแบบขายถูกกว่า SMEs แล้ว SMEs จะเอากำไรที่ไหนไปจ้างละครั

ค่าแรงจะเอาเท่าไรก็ได้นะครับถ้า SMEs มีรายได้อยู่รอด

และทุกวันนี้พวกเราคนไทยยังเถียงกันไม่จบเลยครับว่าจะเอาฝั่งไหน ไม่มีความสามัคคีกันเลย ฝั่งนั่นก็โทษฝั่งนี้ โทษกันไปมา
แต่ก็เป็นไปตามหลักทฤษฎีเกมส์ แต่ละฝ่ายรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง

ถึงบอกว่าเราต้องพยายามพึ่งตัวเองให้มากที่สุด เพราะการเมืองจะปั่นป่วนแบบนี้ไปอีกนาน

ขอให้พระคุ้มครอง SMEs ทุกท่าน

สุดท้ายอยากจะยืมคำคุณดำรงตอนปิดกิจการหนังสือ คู่สร้างคู่สมว่า

ไม่ต้องบอกให้ผมปรับตัว ผมรู้ดีคืออะไร

ผมปิดกิจการขายทิ้งหลายๆอย่าง เอาเงินมานอนกอดเสพสุขดีกว่

แต่ถ้ามองในมุมลูกจ้างละครับ เห็นความเศร้าเสียใจอะไรไหมครับ


วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

นั่งฟังลุงโฉลก สัมพันธารักษ์ เซียน Trader สอน คณะเศรษฐศาสตร์ สอนปี 2018 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

แล้วได้ใจความประมาณ ว่าโลกมันโหดร้ายจริงๆ
ลุงท่านเทรดที่อังกฤษและไทยมา 50-60 ปี เทรดอย่างเดียวตลอดหลายสิบปี เค้าว่ากันว่าลุงน่าจะมีเงินเป็นพันล้านละตอนนี้

-ท่านบอกว่าเราโดนคนคุมการเงินโลกเล่นเกมการเงินกับเรา หลอกเรา ลวงเราที่ผ่านมาทั้งหมด เช่น ธนาคารกลางของอเมริกา (Fed) มีเอกชนคุมไม่กี่ตระกูล เป็นคนคุมเกมส์การเงิน บังคับให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ หลอกเพื่อความมั่งคั่งของตัวเอง เช่น อืรัก ลิเบีย ลินคอน และจอห์น เอฟ เคนเนอดี้ โดนถล่มลอบยิง เพราะจะเอาทองคำเข้าประเทศเพื่อผูกเงินตราของตัวเอง เพื่อควบคุมให้คนทำงานเหมือนทาสของเงิน

-เงินตรามีแต่ด้อยค่า เมื่อก่อนลุงเงินเดือน 800 บาทกินข้าวได้ 800 จาน แต่ตอนนี้เงินเดือน 15000 กินข้าวได้ 100-200 จานเอง แสดงว่าเงินตรามันด้อยค่าเพราะมีคนวางแผนหลอกเราให้เชื่อ

-โลกเรามันโหดร้าย เราเสียภาษีทุกอย่างแต่รัฐบาลทั่วโลกเอาเงินเราไปอุ้มธนาคารเมื่อเวลาเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ไม่ได้อุ้มคนที่เสียภาษีเลย

-ต่อไปธนาคารจะเริ่มปิดตัว จะเริ่มปรับตัว ลดคนลงจริงๆ จะทยอยไปทีละธนาคาร เมื่อตอนนั้นมันจะโหดร้ายขึ้นเรื่อยๆ

-ต่อไปสังคมไทยจะเป็นผู้สูงอายุสมบูรณ์แบบ มันจะโหดร้ายกว่านี้อีก

-เราโดนหลอกให้เชื่อมาตลอดชีวิต เรื่องความมั่นคงในชีวิต ต่อไปนี้ไม่มีอีกละ

-ท่านแนะนำให้แปลงเงินตราไปเป็นสินทรัพย์ (Asset) หรือ คลังความมั่งคั่ง (store of wealth) เช่นทองคำ หุ้น หรือที่ดิน เพื่อป้องกันการด้อยค่าของเงิน

-การเทรด หุ้น หรืออะไรก็ตาม ให้ศึกษา technical analysis มากกว่าพื้นฐาน เพราะพื้นฐานบางทีมันหลอกเรา เช่น งบกาารเงินตกแต่งตัวเลข เช่นหุ้นไทยปัจจุบัน แต่ ถ้ารู้ technical มันมีสัญญาณแปลกๆก่อน

-ลุงให้คำแนะนำเรื่อง bitcoin ฟังแล้วลุงออกแนวเหมือนสอนว่าเทคโนโลยีและจิตวิทยาไปทางนี้ ลุงไม่แนะนำให้คาดเดาอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้ามันเกิดขึ้นละ เราพร้อมไหม เพราะ Bitcoin เป็นจุดเริ่มต้นของอะไรที่จะตามมาอีกเยอะ แต่ให้มองระยะยาว ไม่มองสั้นๆเป็นปี มองหลายๆปี

-ลุงให้น้ำหนัก Bitcoin มากกว่า etherium และ ripple เพราะสองตัวนั้นมีคนสามารถคุมได้

-ท่านสอนว่า จะลงทุนอะไรก็ตามอย่าไปตามกระแส เราต้องรู้ความรู้พื้นฐาน เรารู้จริงไหม เราต้องศึกษาให้จริงจรัง อย่าเป็นหมอดูและเดา เราไม่รู้หรอก อย่าพยายามเดาให้รู้อย่างเดียว ถ้ามันเกิดขึ้นมาเราจะทำยังไงมากกว่าตอนนี้

-เหมือนเราจะทำงานกว่าเราจะโต เราต้องเรียน อนุบาล มัธยม ป ตรี เกือบ 20 ปี ต้องใช้เวลา

-มีอดีตผู้จัดการใหญ่แบงค์เอกชนที่เกษียณไปแล้วเสริมและเห็นด้วยว่าโลกต่อไปนี้ ใครไม่มีความรู้หลากหลายจะต้องเหนื่อยหนักมาก

https://www.youtube.com/watch?v=8HNCEizY_lY

วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2562

หนังสือเล่มแรกในชีวิตของผม

เติมเต็มความฝันในวัยเด็กที่อยากมีหนังสือเป็นของตัวเองสำเร็จ จากการอ่านหนังสือของคนอื่นมาหลายร้อยเล่ม

วางขายใน ookbee และ Meb app

เอาบทความที่เขียนใน stock2morrow ที่ได้รางวัลที่ 3 มาปรับปรุงใหม่ นั่งเรียบเรียงช่วงปีใหม่อยู่ 2-3 วัน

ขายไม่ได้ไม่เป็นไร ได้แค่เห็นแล้วก็มีความสุขที่ได้ทำความฝันสำเร็จ
อุดหนุนกันได้นะครับ

ลิ้งค์หนังสือ
MEB
http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiOTY3NzA4IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiODc0MTEiO30

OOKBEE
http://www.ookbee.com/shop/BookInfo?pid=e267809b-18cf-45c8-b0f7-63c332ac5683&affiliateCode=6b5a5ae3b8d0467f9bdd1312f245c606



ชีวิตเรามีอะไรบางอย่างมากำหนด???

สืบเนื่องจากโพสของ อาวินทร์ เลียววารินทร์ นักเขียนไทยในดวงใจ ที่อาปฏิเสธโหราศาตร์ เพราะไม่เชื่อว่าบางอย่างในชีวิตถูกกำหนดไว้แล้ว

เมื่อก่อนสมัยเด็กๆจนถึงจบ ป.โท ทำงานบริษัท ก่อนกลับมาช่วยทำธุรกิจที่บ้าน ผมเชื่อว่าคนเราสามารถกำหนดชะตาดีเลวด้วยมือของเราเอง
แต่พอกลับมาช่วยที่บ้านเห็นโลกธุรกิจบวกกับพบปะเจอผู้คนหลากหลายมาก

ทำไมในหัวผมกลับมาคิดอีกแบบว่า บางทีชะตาชีวิตคนเราถูก "อะไร" บางอย่างกำหนด และมีคำถามที่ตั้งไว้ในใจหลังจากได้ประสบพบเจอ

-ทำไมคนจน บางทีขี้เกียจด้วยซ้ำแต่เจอเหตุการณ์ บางอย่าง ทำให้พลิกกลับตัวเป็นคนรวยได้ แต่ทำไมบางคนไม่เจอเหตุการณ์แบบนั้น ทำให้จนต่อไป
-ทำไมบางคนเกเรเหลวแหลกแต่เด็ก แต่เจอเหตุการณ์พลิก ให้ทำตัวดีขึ้น กับอีกบางคนไม่เจอ
-ทำไมพ่อแม่บางคนสอนมาดี แต่เจอเหตุการณ์ทำให้คบเพื่อนไม่ดี ทำไมพ่อแม่บางคนไม่เอาใจใส่แต่เจอเหตุบังเอิญทำให้ไปได้ดี
บางครั้งคำว่า เหตุการณ์การบังเอิญ ทำไมบังเอิญกับบางคน แล้วบังเอิญจริงไหม หรือเพราะอะไรกำหนด
-ส่วนเหตุการณ์ที่พบเจอกับตัวเอง ตอนกลับมาช่วยที่บ้านใหม่ๆ เคยบอกโกว่าผมจะต้องตีตลาดที่มีเจ้าของอยู่แล้วให้ได้ แต่ผมก็ไม่ได้พยายามตีเท่าไร ออกจะไม่ได้ทำไรเลยด้วยซ้ำ แต่มีเหตุการณ์บังเอิญ ทำให้คนรู้จักเข้ามาช่วย ทำให้ตีตลาดได้สำเร็จ

น่าสงสัยจริงๆ น่าทำวิจัยจริงๆ
ทำไมผมคิดมาก อาวินทร์ไม่น่าจุดประเด็นให้ผมคิดตั้งแต่เช้าวันนี้เลย 555
แต่ยังไง สุดท้ายไม่ว่ายังไงใครกำหนด ตัวเราต้องพยายามกำหนด ให้เป็นคนดี ขยัน อดทน ก็พอ

วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2561

รีวิวตัวเองปี 2018

รีวิวตัวเองปี 2018 
1. การค้าขายธุรกิจถึงจะเงียบเหมือนเดิมเพราะตลาดเปลี่ยนหมด ไปเป็นออนไลน์ แต่ก็อยู่ได้สบายๆ ไม่เคยขาดทุนหรือชักเนื้อ ทำการตลาดออนไลน์ซื้อโฆษณาเฟสไปได้ดี เน้นราคาถูกบริการดี เราไม่มีหนี้ เราสบาย
2. การลงทุนที่ดิน ก็เป็นไปตามที่วิเคราะห์ ซื้อๆขายๆไปได้ดี เหลือแค่รอจังหวะช้อน
3.การเทรด ปีนี้ไม่ค่อยดีเท่าไรเจอ Trade war แต่ได้รับคัดเลือกเข้าไปเทรดของกองทุนออสเตรเลียได้เงินมาเทรด 7 แสนกว่าบาทแต่ผลงานยังไม่น่าพอใจ ด้วยความอ่อนด้อยและกากของเรา พยายามต่อไปในปีหน้า
4. สุขภาพ ปีนี้แย่เพราะกรดไหลย้อนรุนแรงมาก แต่พอเลิกบุหรี่มาเดือนกว่า หลังจากที่สูบมา 15 ปี กรดไหลย้อนหาย สุขภาพดีขึ้นแต่น้ำหนักเพิ่ม 5 โลจากการกินหลังเลิกบุหรี่ แต่ถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่เลิกได้
5 . การบริจาคทำบุญ ปีนี้ถือว่าบริจาคเยอะมาก ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียนหรือสถานที่ขาดแคลน จะทำต่อไปเรื่อยๆตลอดชีวิต
6. การให้โอกาสคนและสอนวิชาทำมาหากินฟรีๆ ปีนี้ได้สอนการเทรดไปสามสี่คน ไปได้ดีสองท่าน ผลงานน่าพอใจและเป็นสิ่งที่ผมภูมิใจมาก แนะนำการทำธุรกิจน้องๆและเค้าเชื่อ ทำให้เค้าหมุนเงินทัน สบายๆ ส่วนบางคนมาขอยืมเงินตั้งตัวหรือเดือดร้อนก็ให้ไป และไม่ค่อยได้คืนเหมือนเดิม 555
7. ผลงานเขียนและแชร์ในเฟส ปีนี้ได้รางวัลนักเขียนอันดับ 3 ของโครงการ stock2morrow ถือว่าประสบความสำเร็จที่เป็นนักเขียนมือใหม่ ส่วนเรื่องประสบการณ์ที่โพสในเฟส บางท่านชอบมากบางท่านบอกเครียดไป ผมอยากจะเตือนเพราะเห็นอะไรมาเยอะประสบการณ์ที่น่าห่วงโดยตรงและพี่ๆเพื่อนนักลงทุนแชร์มา แต่ปีหน้าว่าจะเบาละ เน้นสายฮาแชร์อะไรเบาสมองกับ sexy ดีกว่า
8. ปีนี้ทำอะไรให้ใครขุ่นข้องหมองใจ ขอกราบขออภัยนะครับผม

เป้าหมายปี2019
จะทำให้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาหลายเท่า

ส่งท้ายปีเก่าและสวัสดีปีใหม่ทุกท่านครับ

วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ผลการทดลอง Dual Grid เปรียบเทียบกับ Grid ธรรมดา ใน คู่เงิน AUDCHF

สืบเนื่องจากได้คุยกับหมอตุลเมื่อวันที่ 19 พย. 61 ในงาน Psyquation meeting
ทางคุณหมอได้แนะนำกลยุทธ์ Dual Grid system
พอได้ไอเดียมาเพื่อนผมได้เขียน EA ทำการทดสอบกับคู่เงิน AUDCHF
โดยมี Condition แบบนี้
  1. กำหนดค่าคงที่ คือ ทุนที่ 2000 AUD โดยจะเปิดที่ราคา 0.760000–0.66000 จำนวน 23 ไม้ ที่ 0.01 lot ต่อไม้ จะได้ระยะ grid ที่เท่าๆกันคือ 434 จุด
  2. Dual Grid จะเปิด Buy และ Sell จุดเดียวกัน
  3. การทดลองโดยใช้ Variable factor คือ
3.1 เปรียบเทียบ Grid ธรรมดา (Long only) กับ Dual Grid(Long&Short)
3.2 Long position มี Trailing Stop ของกำไร และไม่มีTrailing Stop ของกำไร ส่วนหน้า Short position ก็มีTrailing Stop ของกำไร และไม่มีTrailing Stop ของกำไร เช่นกัน
3.3 Trailing Stop ของฝั่ง Long และ Short อยู่ที่ 150–200 จุด
4. Run ผลการทดลอง Backtest โดยใช้ mode Optimization ที่ Model Control point ที่ Timeframe H1 โดยกำหนดช่วงเวลา 1/2/2018 ถึง 1/12/2018 เป็นเวลา 10 เดือน เป็นช่วงเวลา Downtrend ประมาณ 8–9 เดือน
ผลการทดลองออกมาดั่งตาราง
ผลการทดลองและวิเคราะห์ออกมาเป็นดังนี้
  1. กำไรที่ดีที่สุดและ Max Drawdown ที่สุด คือ Dual Grid ที่ Long position มี trailing stop ที่ 200 จุด และหน้า Short ไม่มี Trailing stop
  2. เอาผลงานที่ดีที่สุดมา Run backtest เดี่ยวๆอีกรอบ ที่ model Control point ในระยะเวลาเดิม 10 เดือน จะได้กราฟออกมาประมาณนี้
เมื่อลองมาเทียบแบบ Grid ธรรมดา(Long only) ที่ค่าเดียวกันและไม่มี trailing stop ดังรูป
สรุปคือ
DUAL Grid ให้ Cashflow ดีกว่า และ Maximum DD น้อยกว่า Grid ธรรมดา อย่างมีนัยสำคัญ
ต่อให้ปิดออร์เดอร์ทั้งหมดวันที่ 1/12/2018 สุดท้าย Equity ของ Dual Grid ยังมากกว่า Grid ธรรมดา 100 เหรียญ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคือ backtest ผลการทดลองไม่ได้ 100% นะครับ
ผลการทดลองจะเปลี่ยนไปถ้าค่าต่างๆที่เรา fix ไว้ตั้งแต่ต้นเปลี่ยนไป เช่นจำนวนไม้ ทุน ค่าเงินเริ่มต้นและน้อยสุด เป็นต้น และ ค่า SWAP ต้องพิจารณาด้วยนะครับ
ไม่งั้นติด order นานๆพังได้ค่า Swap ลบเยอะเกินไป
ปล ขอขอบคุณเพื่อนรัก โต้งที่เขียน EA ให้
และ หมอตุลที่แชร์ไอเดียครับ

วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สมการการทำธุรกิจง่ายๆแต่เรามองข้าม

บันทึกไว้เป็นไดอารี่ของการทำธุรกิจ
เมื่อวานได้คุยกับน้องคนหนึ่ง ได้แนะนำประสบการณ์ที่เคยบอกไว้นานแล้ว แต่ถ้าเราไม่เคยเจอของจริงๆเราจะไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้
คือ สมการของการทำธุรกิจ มีแค่ สมการเดียวง่ายมาก

ซึ่งหลายๆคน รวมทั้งผมเมื่อก่อนตอนยังไม่มาทำธุรกิจคิดว่าง่ายมาก
ระดับเรา ป.ตรี โท เรียน Financial balance sheet income statement ท่ายากมาเยอะ
จริงๆ ท่ายากใช้ได้เฉพาะพื้นฐานแน่นแล้ว เราต้องเข้าใจมันจริง แค่สมการเดียว สามารถทำให้เรารวยหรือหมดตัวได้เลย
แค่ กำไร = รายได้ - รายจ่าย แค่นั้น ก็ทำธุรกิจได้สบายๆละ

ไม่ต้องจำเยอะด้วย เราหลงไปเรียนท่ายากมาเยอะ เครดิต เดบิต interest rate Net present value ต่างๆนานา
ถ้ามาทำธุรกิจจริงๆ พวกนี้ไม่ได้ใช้เลยโดยเฉพาะตอนเริ่มทำธุรกิจ

เราแค่ใช้สมการเดียวสามารถชี้เป็นชี้ตายธุรกิจเราได้ละ

ถ้ารายได้ มากกว่ารายจ่าย เราก็ กำไร ทำยังไงเราก็ไม่เจ๊ง
แต่ถ้า รายจ่าย มากกว่า รายได้ ยังไงเราก็เจ๊ง อยู่ที่เมื่อไรเราจะเจ๊ง

ดูจากสมการง่ายๆนี้ รายได้เยอะ ไม่ได้แปลว่าจะกำไรเยอะตาม
มันอยู่ที่การคุมรายจ่าย
รายได้เยอะยอดขายเยอะ แต่รายจ่ายเยอะตาม หักลบกัน เผลอๆกำไรเท่าเดิมจากที่ยอดขายตอนยังไม่เพิ่ม
หรือกำไรอาจจะน้อยกว่าเดิม เผลอๆอาจจะขาดทุน เพราะรายจ่ายเพิ่มมากกว่ารายได้ในสัดส่วนที่เท่ากัน

ฉะนั้นที่ป๊า (จบ ป. 4) ผมสอนจนทุกวันนี้ บัญชีสำคัญที่สุด
จริงๆนะที่บอกว่า
เราห้ามหลอกตัวเองเด็ดขาด ขายได้ ขายดี แต่ไม่มีกำไร แสดงว่าทำอะไรผิด อย่าคิดว่ามันจะดี
ให้ดูตามตัวเลข กำไรก็คือกำไร ขาดทุนก็คือขาดทุน

ที่พลาดกันคือหลอกตัวเองกันทั้งนั้น

วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2561

การคำนวนธุรกิจหอพัก

ถ้าเราอยากซื้อหอพัก อพาร์ทเม้นซักที่เพื่อเอาค่าเช่ามากินใช้ เราจะซื้อที่ราคาไหน หอพักมีกี่ห้อง
นั่งคิด เปลี่ยน Mindset ใหม่ วางใจเป็นกลาง
สมมติคิดออกจะ bias ไปทางอยากได้
มีหอที่นึง โดนยึดประกาศขาย 26 ล้านบาท ถ้าต่อดีดีไม่มีคนเอา น่าจะจบที่ 20 ล้าน
หอพักมี 50 ห้อง ตีค่าเช่าให้เดือนละ 3000 ต่อห้อง
50x3000 = 150 000 บาทต่อเดือน หรือ 1.8 ล้านบาทต่อปี
แต่เราคำนวนเผื่อไว้ว่ามีคนเช่าต่อเดือนคือ 70% คือ 70%*50 =35 ห้อง
คิดแล้วต่อเดือนจะได้ 105,000 บาทต่อเดือน หรือ 1.26 ล้านบาทต่อปี
คืนทุน 20 ล้านหาร 1.26 ล้าน = 15 ปี
กำไรจากค่าน้ำค่าไฟเราไม่คิด ถือว่าเรามาเป็นค่าบำรุงรักษาหอเวลาเกิดอะไรเสีย
ถ้าเรามีเงินเย็นๆมากพอ และไม่กังวลเรื่องวุ่นวานที่เกิดในหอพักเช่นน ผัวเมียทะเลาะกัน เบี้ยวค่าเช่า
เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ถ้าต่อรองเหลือราคาที่ 10-12 ล้านได้
จะคืนทุนไวกว่าเดิมมาก

ไม่นับถ้าเงินกู้ธนาคาร
ถ้าสมมติกู้ธนาคาร 10 ปี ที่ 15 ล้านบาท สมมติดอกเบี้ยรวมเงินต้นคือ 150,000 ต่อเดือน
รายได้จากค่าเช่า ยังไม่พอกับรายจ่ายเลย
ตีตกมันไป
มานั่งคิดเพราะเมื่อก่อนได้ยินว่าทำหอพักดีมาก ตอนเช่าอยู่กทมพระราม 7 ก็ยังสงสัยมาบัดนี้
เพิ่งมานึกออกตอนนี้ว่าเจ้าของหอเคยบอกว่าตอนสร้างหอเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วไม่ถึง 10 ล้าน แต่ให้เช่าเดือนละ 3000
มิน่าละ ทำไมเค้าปลดหนี้ธนาคารไม่ถึง 10 ปี
แต่ตอนนี้ค่าก่อสร้างและค่าครองชีพมันแพงกว่าเดิม



วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ทองคำไทยทำไมราคาลงเยอะ แล้วประเทศอื่นละลงเหมือนเราไหม




ทองไทยทำไมถึงลง แล้วทองเปลี่ยนเป็นเงินประเทศอื่นละ จะลงไหม
เลยไปค้นข้อมูลมาเทียบกับประเทศอื่นๆที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจตอนนี้

มาดูตั้งแต่ปี 2011 จนถึงวันนี้ปี 2018
ทองเปลี่ยนเป็นเงินเวเนซุเอล่าจาก 7000 ขึ้นไปเป็น 300 ล้านโบลิวาร์ภายใน 10 ปี เงินโคตรไม่มีค่าเลย
ทองเปลี่ยนเป็นเงินอาร์เจนติน่า จาก 55000 เป็น 540000
ทองเปลี่ยนเป็นเงินอินโดนีเซียจาก 12 ล้านไปเป็น 18 ล้าน
ทองเปลี่ยนเป็นเงินตุรกี จาก 1800 ขึ้นไปเป็น 7900

แต่ไทยเราทองเปลี่ยนเป็นเงินบาทลงเอาลงเอา

ทั้งที่ทองตลาดโลกลงจาก 1300 us เหลือ 1200 us ประเทศที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจย่อมๆราคาทองจะพุ่งขึ้นเมื่อเปลี่ยนเป็นค่าเงินประเทศนั้น

แต่ถ้าทองประเทศไหนลง อนุมานได้ว่าประเทศเรายังรับมือกับสงครามการค้าระหว่างเมกากับจีนได้มั้ง

เค้าว่ากันว่าเพราะเราเคยเจอวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 ทำเราจำฝังใจ ไม่ประมาท

ถ้าเทียบกับมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์เราไม่โดนผลกระทบกับโลกข้างนอกมากนัก

เงินบาททรงๆไม่อ่อนหรือแข็งไปทำให้ทองคำในเงินบาทลดลงตามตลาดโลก

ถ้าดูจากกราฟ เมื่อไรที่ประเทศเริ่มเกิดวิกฤตเศรษฐกิจหรือเกิดแบบรุนแรง
เมื่อนั้นทองจะพุ่งขึ้น เมื่อเปลี่ยนเป็นสกุลเงินประเทศนั้น ต่อให้ทองตลาดโลกลงก็ตาม เพราะทองมีค่ามากกว่าเงินกระดาษในแง่ของความเชื่อ

ดังนั้นการเก็บทองเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจมั้ง

ความเห็นส่วนตัวพร้อมกับหลักฐานที่หามาจากโลกภายนอกใน google

การเทรด forex มีข้อดีตรงได้รับรู้ตลาดโลกแล้วมาวางแผนในประเทศหรือเมืองเรา ว่าเราจะเอายังไงต่อไป เพราะโลกใบนี้เชื่อมต่อกันแบบใกล้ชิดมากกว่าเดิม

ผีเสื้อกระพือปีกที่เมกา สะเทือนถึงแผ่นดินไทยเลยตอนนี้


เปรียบเทียบผลตอบแทนและความเสี่ยงการซื้อแฟรนไชส์ร้านกาแฟระดับประเทศกับการลงทุนในหุ้น PTT

เชื่อว่าหลายๆท่านที่ไม่มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ส่วนใหญ่จะมีความฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองซักอย่างนึง อยากเป็นเจ้านายตัวเองไม่ต้องเป็นลูกน...