วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2561

การเขียน Blog ในเวบไซต์ สามารถปลดหนี้คนๆนึงที่มีหนี้บัตรเครดิต ?????

การเขียน Blog ในเวบไซต์ ใครคิดว่าจะทำให้ปลดหนี้คนๆนึงที่มีหนี้บัตรเครดิต ประมาณเกือบล้านบาท (22,302 dollar)
โดยที่ไม่ได้รับบริจาคใดใดทั้งสิ้น
ในหนังสือ พฤติกรรมพยากรณ์ ได้เล่าเรื่องจริงที่เกิดขึ้นว่า
มีผู้หญิงชาวอเมริกาวัย 29 ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเกินตัวจนเป็นหนี้
พอเป็นหนี้ รู้สึกอับอายจนไม่ได้ปรึกษาใครในครอบครัว หรือเพื่อนๆ
แต่มีมาวันนึง เธอเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง
เธอใช้วิธีเขียน blog ลงในเวบไซต์ บอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างในการเงินของเธอ ทำไมถึงพลาด และจะแก้ไขยังไงต่อไป
เธอใช้เวลา 1 ปีในการปลดหนี้จนสำเร็จ
ทำไมเธอถึงปลดหนี้สำเร็จ
ศาสตราจารย์ MIT ให้ข้อคิดว่า มนุษย์เราทุกคนต้องการเครื่องชี้นำทางในการเดินไปตามเป้าหมาย
ถ้าเรามีเป้าหมายแต่เราไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยวนำทาง
ชีวิตเราจะเขวและหลุดออกไปได้ง่ายจากที่เคยตั้งใจไว้
มันคือนิสัยผลัดวันประกันพรุ่ง
การเขียน blog เปรียบเสมือน การยอมรับความผิดพลาดของตนเองจากส่วนลึกในจิตใจ
มันต้องใช้ความกล้าอย่างมากที่บอกความจริงให้คนอื่นรู้
(มันง่ายมากที่จะโชว์อวดในเฟสมากกว่าการยอมรับความจริง)
เธอเขียน blog ทุกครั้ง และมีคนมาอ่านช่วย comment ให้กำลังใจ
การอ่านและ comment ของผู้ติดตาม เปรียบเสมือนเครื่องชี้นำทาง ให้เดินไปสู่จุดหมายอย่างที่ตั้งใจไว้
ทำให้เธอปลดหนี้สำเร็จ
โลก Social เป็นเหมือนดาบสองคม
คนรู้วิธีใช้มัน จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองมากที่สุด
แต่คนไม่รู้วิธีใช้มัน จะทำให้เป็นทาสของมัน ทำให้เกิดอารมณ์ต่างๆนานาทำให้จิตเราอยากมีอยากได้ โดยไม่รู้กำลังตัวเอง จนเป็นหนี้เป็นสิน
เรียบเรียงสองสามบทมาผสมเป็นโพสเดียว
อ่านแล้วน่าคิดตามมาก
จาก
หนังสือ พฤติกรรมพยากรณ์
ปล.หลังๆเทรดและศึกษาอ่านหนังสือ
น่าเรียนวิชา ปรัชญาและ Zen มาก
ต่อไปคงคุยกับใครไม่รู้เรื่องแน่ๆ
โลกเราคือสมมติ ทองคำ เงินกระดาษคือสิ่งสมมติทั้งนั้น
ถ้าตบะแก่กล้ากว่านี้ หนีไปบวชธุดงค์ในป่าดีกว่า
แต่เหลือบมองเห็นสาวๆในเพจ CupE แล้วยังรู้สึกละกิเลสไม่ได้
555555555555555

ทำไมต้องอ่านหนังสือ พฤติกรรมพยากรณ์

เป็นหนังสือที่อ่านแล้วจี้ใจดำตัวเองได้มากที่สุด
อ่านแล้วไม่น่าเชื่อว่าคนเขียนคือศาสตาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย MIT
เขียนเป็นแนวพระพุทธศาสนามาก
หนังสือเล่มนี้ บอกตัวเองว่า ทำไมมนุษย์เราถึงไร้เหตุผล ตรรกะความคิดขนาดนี้
มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ว่า มนุษย์เราขาดการยับยั้งชั่งใจตัวเองเมื่อเจอสภาพแวดล้อมตั้งแต่เด็ก ประสบการณ์ที่ดีหรือไม่ดีที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่อนิสัยเราในอนาคตระยะยาวยังไง
ทำไมเราชอบผัดวันประกันพรุ่ง
ทำไมเราถึงชอบของฟรี
ทำไมเวลาเราทำด้วยใจ แต่ไม่ได้เงินถึงยินดีที่จะทำ มากกว่าการจ้างให้ทำ
ทำไมเราชอบหลอกตัวเอง
ทำไมเราชอบซื้อของแพงทั้งที่มูลค่ามันไม่ได้ขนาดนั้น
ทำไมสิ่งดีดี เช่นการสร้างวินัยทางการเงินในบัตรเครดิต ธนาคารถึงไม่ชอบให้คนทำ(แน่นอนธนาคารเสียผลประโยชน์ ใครจะโง่ให้สร้างวินัย ธนาคารจะเอากำไรจากไหน)
หนังสือนี้ทำลายความเชื่อหลายๆอย่างของเราเลย
แถมบอกวิธีการแก้ไข คือหลักพระพุทธศาสนาแท้ๆ
คือมีสติ รู้ทันตัวเอง
แนะนำครับ
ผมอ่านแล้ว แต่ละหน้าเหมือนโดนหนังสือต่อย โดนทุกจุดข้อเสียของเรา



วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ความไร้เหตุผลของคนเรา พฤติกรรมพยากรณ์

นั่งอ่านหนังสือพฤติกรรมพยากรณ์ ที่ศาสตราจารย์ MIT เขียน เกี่ยวกับความไร้เหตุผลของคนเรา(รวมทั้งผมด้วย) เป็นหนังสือที่ชอบมากในรอบหลายปี
มีบทนึง เกี่ยวกับ ความไร้เหตุผลของคนเรา เมื่อเจอของฟรี
มีงานวิจัยทดลองอันนึง เกี่ยวกับชอคโกแลต ยี่ห้อ Lindt และ hershey
มีคนขาย Lindt ในราคา 10 บาท และ hershey ในราคา 2 บาท
คนอเมริกาเลือกซื้อ Lindt ุ67% ทั้งที่แพงกว่า เพราะอร่อยกว่าในความคิดของเค้า
แต่เค้ามาทดลองใหม่ ลดราคา Lindt เหลือ 8 บาท
และ Hershey เหลือ 0 บาท
ผลที่ออกมาคาดเดาได้อยู่แล้ว ว่า Hershey ขายดีกว่า Lindt เพราะมันมีค่าแค่ 0 แจกฟรี
ทั้งๆที่ ลดราคา 2 บาทเท่ากัน
คนเราส่วนใหญ่ชอบของฟรี(แน่นอนซึ่งรวมผมด้วย) ทั้งที่ไม่ชอบ หรือได้ของฟรีมาแล้วไม่รู้จะเอาไปทำไม
ขาดการไตร่ตรองอย่างสมเหตุสมผล ซึ่งอาจจะทำให้เกิดผลเสียต่อเราในอนาคตก็ได้
บางคนได้มาแล้วก็เอาไปทิ้ง(ผมก็เป็นบ่อยๆ)
นักวิจัยเรื่องนี้เลยบอกว่าถ้าอยากให้คนอื่นบอกความลับตัวเองได้
ต้องแจกฟรี อะไรก็ได้ให้เนียนๆ เล่นกับความเชื่อ
หันมามองโพสในเฟส
หมอดูออนไลน์โพสว่าดูดวงว่าจะรวยจากรหัส ATM ไหม (ทั้งที่ไม่ได้บอกว่าดูฟรี)
มีคนไป comment บอกเลขรหัส ATM เยอะมาก
อ่านหนังสือจบ เจอ case study ทันที
นี่คือความไร้เหตุผลของมนุษย์ที่คาดการณ์ได้อย่างในหนังสือว่า
ถ้าสมมติผมเป็นโจรออนไลน์นะ
ผมจะตั้งตัว มโนตัวเองให้เป็นหมอดูที่แม่นที่สุดเลย หาหน้าม้าเยอะๆมาคอย comment อวย
เสร็จปุ๊บ จะบอกดูดวงด้วยรหัสบัตรเครดิตฟรี comment กันมาเลย
ถ้าอยากจะแม่น ขอเบอร์โทรด้วย
อยากจะให้แม่น 100% ขอรหัส CVV ตามอีกที
เอาไปซื้อของออนไลน์ที่เค้าไม่ใช้ OTP
สบายเลย
โดนหมอดูหลอกเพราะว่าดูดวงฟรีแท้ๆ ที่เราพิสูจน์ไม่ได้เลยว่าดูดวงแม่นจริงๆรึ
เชื่อไหมว่ามีคนหลงเชื่อแน่นอน ดูจากโพสที่ผมแชร์เมื่อกี้
ไม่งั้นแชร์ลูกโซ่ ขนาดไม่ฟรี ยังมีคนเชื่อเลย
ถ้าจะหลอกล่อผมจริงๆ ต้องให้สาว cupE มาเดทกับผมฟรีๆๆ
ผมยอมแน่นอน 5555555555555



วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เมื่อ Jim Rogers ให้ความเห็นเกี่ยวกับทองคำ

นั่งอ่านเพจเรื่องราคาทองคำ เจอ Jim Rogers ผู้ที่เซียนตลาดโภคภัณฑ์ ให้ความเห็นน่าสนใจ วันที่ 24 กค 2561 ที่ผ่านมา
เลยลองแปล
--------------------------------------------------------------------
I own gold. I haven't bought any serious gold in a long time because I expect another opportunity to buy gold under $1,000 USD per ounce.
ผมเป็นเจ้าของทองคำ ผมไม่ได้ซื้อทองคำเพื่อระยะยาว เพราะผมคาดว่าทองคำมีโอกาที่จะต่ำกว่า 1000 USD ต่อออนซ์
(ตอนที่เค้าเขียนทองอยู่ประมาณ 1230 USD ต่อออนซ์ และเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาลงไปต่ำสุดที่ 1160 USD แสดงว่า Jim คาดว่าจะลงได้ถูกต้อง)
If that happens, I hope I'm smart enough to buy a lot of gold because before this is over gold is going to skyrocket. Throughout history when people lose confidence in economies, governments or currencies they have always bought gold and silver.
ถ้าทองลงไปต่ำกว่า 1000 USD ผมหวังว่าจะซื้อทองคำให้เยอะมากที่สุด เพราะกว่าก่อนวิกฤตจะมาถึง ราคาทองคำจะพุ่งจรวด
ตามประวัติศาสตร์ เมื่อผู้คนสูญเสียความมั่นใจในเศรษฐกิจ รัฐบาลหรือเงินตรากระดาษ พวกเขาจะซื้อทองคำและเงิน
--------------------------------------------------------------
ถ้าให้วิเคราะห์ทองคำมีโอกาสลงไปต่ำกว่า 1000 USD อาจจะไป 800-900 USD ต่ออนซ์ได้ตลอดเวลา
ดังนั้นเราควรถือเงินสดไว้เตรียมพร้อมบ้าง
แต่ใครจะรู้อนาคต เค้าอาจจะขู่ไปยังนั้น ตอนนี้เค้าอาจจะเริ่มเก็บทองคำไว้เยอะแล้วก็ได้
ทองคำอาจจะพุ่งไปดลยก็ได้ ความน่าจะเป็นในการขึ้นหรือลงเท่ากัน
แต่ไม่ได้หมายถึงว่าทองคำไทยจะลงไป 14-5000 บาทนะ เพราะว่าทองไทยต้องแปลงมาเป็นเงินบาท ต่อ 15.2 กรัม (1 ออนซ์มีประมาณ 23 กรัม แล้วไปคูณกับค่าเงินบาทต่อดอลล่าร์อีกที)
แต่ถ้าอ่านประโยคสุดท้าย เค้าเตือนว่าวิกฤตการเงินในอนาคตมาแน่ๆ อาจจะไวไวนี้ก็ได้
ไม่มีใครรู้
อยากดูผลกระทบ ก็ลองดูเวเนซุเอล่า ไข่ไก่ 1 ใบ ใช้เงิน 1 ล้านไปซื้อ
ทองคำตอนนี้ 1 บาท ใช้เงิน 100 ล้าน
โหดสาดสาด


วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Mentality ในการเทรด

Mentality ภาษาการเทรดเรียกสั้นๆว่า Mental คือแนวคิดของจิตใจเรา ว่าเราคิดแบบไหน เพื่อไปสู่ผลลัพธ์ที่เราต้องการ

Mental ตัวนี้ใช้กับการใช้ชีวิตจริงๆ ของเราในชีวิตประจำวันเพื่อให้เราไม่ไขว้เขวหรือหัวร้อน จนทำให้หลุดเป้าหมาย

คล้ายๆกับพลังคิดบวกหรือลบ

ถ้าให้สรุป Mentality คือ อุเบกขา ตามหลักพระพุทธศาสนา คือวางใจเป็นกลาง

ไม่ยินดี ยินร้าย ไม่มั่นใจหรือ กลัวเกินไป ในสิ่งที่เรากำลังเจอ
หาทางออก แก้ไข มีการเตรียมตัววางแผนไว้เสมอ
ใครจะวิจารณ์เราหรือใครก็ตาม เราจะไม่หัวร้อนหรือโมโหจนทำให้จิตเราเสีย

ถ้าเกิดเราหงุดหงิด เราจะเดินออกจากตรงนั้นเสียเพื่อลดอารมณ์ความรุนแรง หรือถ้าเราไม่เดินออกมา เราต้องปรับ Mental เราให้เข้าใจว่าคนอื่นวิจารณ์เรามันถูกต้องด้วยเหตุและผลหรือไม่ แล้วปรับปรุงตัวเอง

ซึ่งยากจริงๆ กว่าจะปรับและรักษา Mental ให้ได้สม่ำเสมอตลอดชีวิตของคนเรา

เพราะเราคือมนุษย์ มีรัก โลภ โกรธ หลง ตลอดเวลา

เท่าที่อ่านและฟังคนเก่งๆ เค้าจะมีคนอีกคนหนึ่งช่วยเค้าคุม Mental โดยการบอกกล่าวตรงๆ หรือวิจารณ์ด้วยเหตุและผลตลอดเวลา

เพื่อลดอีโก้ตัวเองลงตลอด

พออายุมากขึ้นเริ่มจะเข้าใจในส่วนนี้นิดๆ เมื่อก่อนหัวร้อนตลอดเวลา เจอคนคิดไม่เหมือน มาตอนนี้เฉยๆแล้วแต่ชีวิตใครชีวิตมันแล้วกัน

โลกนี้ไม่มีใครทำผิดหรือถูก มีแต่ใช้ได้หรือใช้ได้

และเมื่อใช้ได้ จะสามารถใช้ในเวลาใด

เปรียบเทียบผลตอบแทนและความเสี่ยงการซื้อแฟรนไชส์ร้านกาแฟระดับประเทศกับการลงทุนในหุ้น PTT

เชื่อว่าหลายๆท่านที่ไม่มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ส่วนใหญ่จะมีความฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองซักอย่างนึง อยากเป็นเจ้านายตัวเองไม่ต้องเป็นลูกน...