ปัญหาหลายๆคน ส่วนใหญ่จะเป็นมือใหม่ไม่รู้จะซื้อหุ้นตัวไหนดีในครั้งแรกที่เข้ามาให้ตลาดหุ้น
ผมก็เคยมีความรู้สึกนี้เมื่อหลายปีที่แล้ว ครั้งแรกมันจะสับสนกลัวๆกล้าๆ คิดว่าหุ้นตัวนั้นดีไหม ซื้อแล้วติดดอยหรือป่าว 
แต่แปลกนะ ซื้อปั๊บส่วนใหญ่จะไม่ดอยจะได้กำไร แต่ซื้อไปนานๆซักเดือนสองเดือนจะเริ่มขาดทุน หมดหวังเริ่มเป็นโรคซึมเศร้า หดหู่ เครียด โรคกระเพราะ สารพัดโรค 555
หลังจากสั่งสมประสบการณ์มาพอสมควร เลยอยากจะแบ่งปันประสบการณ์ในการเลือกซื้อหุ้นครั้งแรก
เราควรจะดูอะไรในหุ้นตัวนั้น ว่ามีโอกาสมี่เราซื้อหรือลงทุนไป จะมีแต่เติบโต ไม่มีวันพาเราไปขึ้นดอยและเตะเราลงมาจากดอยร่วงเหว ขาดทุนหมดตัว

อย่างแรก ให้เรามองว่าจะซื้อหุ้นตัวไหนให้เราคิดว่าเรากำลังจะเปิดร้านขายของทำธุรกิจ เรากำลังมองหาสินค้ามาขายในร้านของเรา
สินค้าก็คือหุ้น แล้วเราจะดูยังไงว่าซื้อสินค้าชิ้นนี้มาขายแล้วจะขายได้ มีลูกค้ามาซื้อแน่นอน
เราก็ต้องวิเคราะห์สินค้าตัวนั้นก่อนว่ามีความน่าจะเป็น โอกาสที่จะขายได้อย่างไรบ้าง โดย
1.ตลาดตอนนั้น ในพื้นที่นั้นต้องการสินค้าอย่างไร เป็นสินค้าที่เกี่ยวกับปัจจัย 4 หรือไม่ เช่น อาหาร ที่พัก ยารักษาโรค ของกิน ของใช้ หรือต้องจำเป็นต้องใช้ ยังไงก็ขายได้
เหมือนหุ้น เราก็มองหุ้นตัวใหญ่ๆที่มีความมั่นคง บริษัทนั้นสามารถอยู่ได้ในทุกสถาวะเศรษฐกิจไม่ว่าดีหรือแย่ ต่อให้ตลาดหุ้นจะตกขนาดไหน ก็มีโอกาสที่บริษัทนั้นล้มละลายได้ยาก (มีความเสี่ยงในการล้มละลาย แต่น้อยกว่าตัวอื่น)
ในตลาดหุ้นไทย แนะนำให้เริ่มทีหุ้นที่อยู่ในกลุ่ม SET50 ก่อนนะครับ เราหุ้นกลุ่มนี้ทุกบริษัทมีความมั่นคงทั้งการเงินและชื่อเสียงมายาวนาน
ไม่แนะนำหุ้นตัวเล็กๆ เพราะความเสี่ยงในการล้มละลายมีสูงมาก

2. พอเราได้สินค้าที่เหมาะสมจะมาขายในร้านเรา ต่อไปเราก็ต้องพิจารณา คุณภาพสินค้า สินค้าชนิดนี้คุณภาพดีไหม
ไม่ใช่เราซื้อมาขายแล้วลูกค้ามีแต่ต่อว่าว่าสินค้าชนิดนี้คุณภาพแย่หลังจากซื้อไปใช้ ทำให้อนาคตมีความเสี่ยงที่เราจะขายสินค้าไม่ได้และเจ๊ง!!!! 

หุ้นก็เช่นกันก่อนจะซื้อเราก็ควรวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของหุ้น โดยวิเคราะห์จากงบการเงิน งบกำไรขาดทุนและงบกระแสเงินสด
-งบการเงิน ดูว่าสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นทุกปีไหม ส่วนของผู้ถือหุ้นและหนี้สินรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นหรือลดลงหรือ ค่า D/E หนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นอย่างไร 
ถ้า D/E มากกว่า 2 แสดงว่ามีความเสี่ยงมากขึ้นจากหนี้สินที่มากกว่าส่วนของผู้ถือหุ้น 2 เท่า
-งบกำไรขาดทุน พิจารณาว่า รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นหรือไม่ ค่าใช้จ่ายลดลงหรือเพิ่มขึ้นนิดหน่อยหรือไม่
บริษัทมีกำไรขั้นต้นและสุทธิเพิ่มขึ้นทุกๆปีใช่หรือไม่ 
ถ้าบริษัทไหนที่ กำไรสุทธิมากขึ้นทุกปี ก็น่าพิจารณาเก็บไว้ในใจก่อนว่าอย่าเพิ่งซื้อ ให้ไปดูข้อที่ 3
-งบกระแสเงินสด พิจารณาว่าบริษัทมีเงินสดเหลือสามารถนำไปลงทุนต่อเพื่อให้เติบโตขึ้นเรื่อยๆหรือไม่

3. พอเราได้สินค้าที่มีคุณภาพพอใจของเราแล้ว ต่อไปเราก็พิจารณาราคาของสินค้าตัวนั้น สินค้าตัวนั้นแพงเกินไปไหม ถ้าแพงเกินไปเราเอามาขายต่อเราก็มีโอกาสที่จะขายได้น้อย ของก็ค้างสต๊อค เงินก็จมลงไป ค่าเสียโอกาสก็เพิ่มขึ้น
ในการซื้อหุ้นต่อให้เราวิเคราะห์งบการเงิน งบกำไรขาดทุนมาดีแล้ว แต่ราคาหุ้นตอนนั้นราคาสูงเกินไป ซื้อไปโอกาสที่หุ้นจะลงไปหามูลค่าพื้นฐานจริงๆมีสูงมาก
ราคาหุ้นเป็นสิ่งที่วัดได้ยากมากเพราะมีปัจจัยที่คุมไม่ได้เยอะมากเนื่องจากราคาที่ซื้อเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่คาดหวังว่ามันจะเติบโต
แต่ถ้าบริษัทไม่เติบโตราคาหุ้นก็วิ่งลงในสู่ราคาที่มันควรจะเป็น
เราสามารถวิเคราะห์ได้ว่าราคาสูงไปหรือยังโดยดูจากค่า ROE>15, P/E ไม่เกิน 15, P/BV ไม่เกิน 2 ตามหลักที่เค้าสอนกัน
แต่ผมอยากแนะนำให้ศึกษากราฟเทคนิคเพิ่มครับ โดยดูจาก เส้น Exponential Moving Average (EMA)
ถ้าหุ้นไหนที่เราวิเคราะห์มาแล้วปัจจัยพื้นฐานดี และราคาอยู่ต่ำกว่าเส้น EMA 20,50,100 แสดงว่าหุ้นนี้น่าจะต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง อันนี้เป็นประสบการณืส่วนตัวไม่มีถูกผิดนะครับแล้วแต่ความคิดของแต่ละคน

4. การบริหารความเสี่ยงในการซื้อของมาขายในร้าน การค้าขายเราไม่สามารถพยากรณ์อนาคตได้ 100% เพราะมีปัจจัยที่เราคุมไม่ได้เช่นภาวะเศรษฐกิจ
เวลาเราซื้อสินค้ามาขาย เราจะไม่ทุ่มเงินจนหมดในสินค้าตัวเดียว เราจะกระจายการซื้อสินค้าหลากหลายเพื่อให้ลูกค้าเลือก และลดความเสี่ยงในการขายสินค้าเดิมๆลงเผื่ออนาคตสินค้าชนิดนั้นไม่นิยมอีกต่อไป

หุ้นก็เช่นกัน เวลาเราจะซื้อหุ้น เราควรกระจายความเสี่ยงเผื่ออนาคตไม่เป็นอย่างที่เราวิเคราะห์ 
เพราะโลกใบนี้ไม่มีใครทำนายอนาคตได้อย่างแม่นยำ
เราไม่ควรซื้อหุ้นตัวเดียวทั้งหมดที่เรามี เราควรกระจายความความเสี่ยงหุ้นหลายๆตัวหน่อย

5.การทำการค้าเราต้องรู้จักสังเกต พัฒนาตัวเองตลอดเวลา เรียนรู้เพิ่มประสบการณ์ เพราะถ้าเราไม่พัฒนาตัวเองทุนใหญ่ๆ ร้านอื่นๆก็รุกมาแย่งตลาดเรา
การค้าขายถ้าอยากขายดีขึ้นต้องสังเกตรู้จักลูกค้าในพื้นที่ต้องการอะไร สินค้าไหนช่วงไหนจะขายดี ขยันหาสินค้าที่น่าจะขายได้มาเรื่อยๆ ตรงนี้คือประสบการณ์
ทดลองเอาสินค้าใหม่ๆมาลองขาย ถ้าขายดีก็นำมาขายเยอะขึ้น แต่ถ้าขายไม่ดีก็หยุดสั่งสินค้า
หุ้นก็เช่นกัน เราต้องนั่งอ่านข่าว อ่านบทความ อ่านงบการเงินหุ้นหลายๆตัวเรื่อยๆ ลองวิเคราะห์ และทดลองซื้อขายว่าเป็นไปตามที่เราคิดหรือไม่ 
ทำต่อเนื่องจนเป็นนิสัย ช่วงแรกๆอาจจะขาดทุนติดดอย แต่ถ้าทำไปเรื่อยๆรับประกันว่ามันจะมีกำไรมากขึ้นเรื่อยๆถ้าเราไม่ท้อไปเสียก่อน


ถ้าชอบบทความรบกวน Login ในเวบและกด Like ให้หน่อยนะครับ

และสามารถติดตาม บันทึกการเทรดหุ้นและ Forex จาก เพจของผมได้ที่ https://www.facebook.com/merchantetrader/