วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2561

หุ้นอสังหาริมทรัพย์บนเส้นทางวิบากเนื่องจากสังคมผู้สูงอายุในประเทศไทย

ช่วงนี้ข่าวเรื่องสังคมผู้สูงอายุไทยเริ่มมีกระแสแรงมากมาย หลายๆคนในรัฐบาล ผู้มีอำนาจในไทยเริ่มตื่นตัวเรื่องคนไทยแต่งงานกันน้อยลงและมีลูกกันน้อยขึ้น 
ตามที่สำนักงานสถิติแห่งชาติได้เก็บข้อมูลมา
-คนไทยมีบุตรมากที่สุดในช่วงเวลา 2511-2526 ที่มีประชากรเกิดเกิน 1 ล้านคน
-หลังจากปี 2531 จนถึงปัจจุบันคนไทยมีลูกน้อยลงเรื่อยๆ จากเกือบ 1 ล้านต่อปีเหลือ ประมาณ 7 แสนคนเมื่อปี 2559
-ถ้าเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์การลดลง การเกิดของคนไทยมากที่สุดในปี 2514 อยู่ที่ 1.22 ล้านคนเทียบกับปี 2559 คือ 6.9 แสนคน ประชากรไทยลดลง 43.44% 
-คนไทยเกิดน้อยลง 43.44% ภายใน ระยะเวลา 45 ปี!!!!!!!!!! เห็นข้อมูลแล้วตกใจเหมือนกันใช่ไหมครับ แต่มีข้อมูลที่น่าตกใจมากกว่านี้อีก

ที่มาของข้อมูล https://prachatai.com/journal/2018/01/74918

สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI ออกมาบอกเรื่องการวิจัยว่า
นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เปิดเผยว่า ปัจจุบันการศึกษาเป็นปัญหาระดับประเทศ จากการทดสอบเด็กไทยอายุ 15 ปี พบว่า 50% อ่านหนังสือแล้วตีความไม่ได้ 53% ใช้คณิตศาสตร์พื้นฐานไม่ได้ 47% ไม่มีความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ จึงต้องผลักดันให้เกิดหน่วยงานภาคีเพื่อการศึกษาไทย โดยเสนอแนวคิด “พื้นที่การศึกษาพิเศษ” หรือแซนด์บอกซ์สำหรับการศึกษาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการทดลองปฏิรูปการเรียนแบบใหม่ คาดว่าเร็ว ๆ นี้จะได้เห็น (ทีมา https://www.prachachat.net/ict/news-128390)

จากการวิจัยของ TDRI ตีความหมายคร่าวๆ คือ เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี สมมติมี 1 ล้านคนตอนนี้
-5 แสนคน อ่านหนังสือออกแต่ตีความหมายไม่ได้
-5.3 แสนคน คิดเลขพื้นฐานไม่ได้ และ 4.7 แสนคนไม่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์
ตกใจไหมครับ................ผมก็ตกใจมาก แล้วข้อมูลข้างต้นจะมีผลต่อวงการอสังหาริมทรัพย์อย่างไรบ้าง


อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง คือปัจจัยพื้นฐานของครอบครัว ทุกครอบครัวอยากมีบ้านมีที่อยู่อาศักันทุกคน บริษัทอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างจึงเติบโตและขยายอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2542 หลังเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง หลายๆบริษัทรายได้เยอะขึ้นก็ขยับขยายเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เพื่อมาเพิ่มทุนในการขยายกิจการ
แต่สังเกตข้อมูลการขอสินเชื่อเพื่ออยู่อาศัยของธนาคาร ตั้งแต่ปี 2556 จนปัจจุบัน มีการลดลงรูปด้านล่าง และมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ

เมื่อนำข้อมูลมั้งหมดมาวิเคราะห์ เพื่อหาข้อสังเกตการเปลี่ยนแปลงความต้องการอสังหาริมทรัพย์บนพื้นฐานการเกิดของประชากรไทยที่จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเร็วๆนี้
- สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารทั้งหมดมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องซึ่งสัมพันธ์กับการเกิดของประชากรไทย 
- ช่วงเวลาที่ประชากรไทยเกิดมาที่สุดคือปี 2514-2526 จะมีอายุ 35-46 ปี ซึ่งวัยนี้คือวัยทำงานสร้างตัวและมั่นคงทางการงาน ส่วนใหญ่เริ่มมีบ้านและที่อยู่อาศัยกันหมดแล้ว
- ประชากรไทยช่วงที่เกิด 2526 จนถึง ปัจจุบันลดลง แต่บริษัทก่อสร้างยังมีการสร้างโครงการบ้านต่อเนื่อง ทำให้อาจจะเกิดอุปทาน(Supply) ของบ้านเพิ่มขึ้นแต่อุปสงค์(Demand)ลดลงเนื่ืองจากคนเกิดน้อยลง
- ประชากรไทยที่อายุยังไม่ถึง 15 ปีตอนนี้ อนาคตอีก 10 ปี จะเข้าสู่วัยทำงาน แต่ 50% ของประชากรจากการสุ่มตัวอย่าง ความรู้พื้นฐานทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ รวมทั้งการอ่านจับใจความไม่ผ่านเกณฑ์
- อนาคตอีก 10 ปี โลกเราจะเปลี่ยนแปลงไปสิ้นเชิง  การหางานที่ดี มีรายได้มากพอต้องใช้ความรู้หลายๆด้านประกอบ แต่เมื่อ 50% ของประชากรมีความรู้ไม่มากพอ ก็จะไม่กำลังซื้อมากพอเช่นกัน

สรุปสั้นๆว่าหุ้นอสังหาริมทรัพย์ต่อไปเหนื่อยแน่ครับ แต่เฉพาะหุ้นที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ระดับราคากลางๆนะครับ
อสังหาริมทรัพย์ราคาระดับบนไม่น่าจะเหนื่อยเท่าไร เพราะคนมีเงินก็จะเงินมีมากมายไปเรื่อยๆ มีกำลังซื้อต่อเนื่องเรื่อยๆ ............

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปรียบเทียบผลตอบแทนและความเสี่ยงการซื้อแฟรนไชส์ร้านกาแฟระดับประเทศกับการลงทุนในหุ้น PTT

เชื่อว่าหลายๆท่านที่ไม่มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ส่วนใหญ่จะมีความฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองซักอย่างนึง อยากเป็นเจ้านายตัวเองไม่ต้องเป็นลูกน...