วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2561

หุ้น ทองคำ หรือที่ดิน อันไหนน่าลงทุนมากกว่ากัน

เคยมีคำถามสงสัยกันไหมครับ ควรลงทุนอะไรดีระหว่าง หุ้น ทองคำ หรือที่ดิน
ถ้าให้ตอบตรงๆและจริงๆเลยนะครับ..............ผมก็ไม่รู้
ที่ไม่รู้เพราะมันขึ้นกับช่วงเวลาในการวัดผลตอบแทน 
ช่วงเวลานึงอาจจะกินเวลา 1-10 ปี ที่ดินได้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้นหรือทอง
แต่ช่วงเวลานึง ทองก็ดีกว่าหุ้น
หรือหุ้นในช่วงเวลาหนึ่งดีกว่าทองและที่ดิน
ลองมาดูกราฟข้างล่างของราคาที่ดินเปลี่ยนแปลงไป ที่กรุงเทพธุรกิจเค้าสำรวจมากันนะครับ
เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงราคาที่ดินปี 2559-2562 เมื่อเทียบกับปี 2555-2558
สังเกตว่าราคาที่ดินจะขึ้นเกือบทุกจังหวัด บางจังหวัดขึ้นมากเช่น น่าน พะเยา นครศรีธรรมราช แม่ฮ่องสอน เลย ปราจีนบุรีเป็นต้น มากกว่า 30%-111%
แต่ก็มีบางจังหวัดราคาที่ดินขึ้นน้อยมากๆ เช่นโคราช อุบล เชียงใหม่ เป็นต้น
ปัจจัยที่ราคาที่ดินขึ้นมีหลายสาเหตุ เช่นความต้องการการลงทุนในพื้นที่นั้นเพิ่มขึ้น หรือ คนเก็งกำไรคิดว่าที่จะขึ้นก็ซื้อรอไว้ จังหวะดีๆก็ขาย เป็นต้นครับ

มาลองดูหุ้นกันบ้างครับกราฟลงตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน หุ้นไทยเป็นขาขึ้นตลอดจากดัชนี 500 ขึ้นมาถึง 1800 
แต่ก่อนหน้านั้นดัชนีตกตั้งแต่ 1994 จาก 1700 ลงถึง 500 จุดในปี 2008 ตลาดตอนนั้นลงทุนไปผลตอบแทนก็ได้ไม่ดีเท่าไร


ส่วนทองคำตามกราฟข้างล่างตั้งแต่ก่อนปี 2007 มาทองคำวนเวียนอยู่ที่ไม่เกิน 700 USD ต่อ ออนซ์ถ้าแปลงเป็นเงินไทยก็ไม่เกิน 15000 บาท ณ เวลานั้น
แต่หลังจาก ปี 2008-2011 ทองคำทำผลตอบแทนกระฉูดมากครับ แค่ถ้าเราไปซื้อหลังจากปี 2011 ที่ราคาทองไปถึง 1800 USD ต่ออนซ์และถือมาจนบัดดี้เราได้ผลตอบแทนเป็นลบ

อีกตัวอย่างของทอง ปี พ.ศ. 2555 ถ้าเราซื้อทองตอนวันที่ 29 ธค 2555 ที่ราคา 24000 บาทต่อ 1 ทองแท่ง 1 บาท
เรามาขายวันนี้ ราคาอยู่ที่ 19850 บาท เราก็ขาดทุน.......... ถือมาตั้งแต่ปี 2555 มาจน 2561 รวมเวลา 6 ปี เท่าทุนไม่ว่าดันขาดทุนอีก....เศร้า 


จากข้อมูลด้านบน ถ้าผมมาลองวิเคราะห์ดู จะได้ข้อสรุปว่า
1. ผลตอบแทนระหว่างหุ้น ทอง และ ที่ดินเราจะวัดผลตอบแทนได้ ต้องดูที่ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่เวลาตลอดไป 
บางช่วงเวลาทองจะดีกว่าอย่างอื่นเช่น ปี 2007-2011 ถ้าซื้อทองตอนปี 2007 แล้วขายตอน ปี 2011 กำไรจะมากกว่าหุ้น ณ ช่วงเวลาเดียวกัน
2. ผลตอบแทนของราคาที่ดินวัดยากมากกว่า เพราะราคาที่ดินขึ้นอยู่กับผู้ซื้อและผู้ขายตกลงราคาที่รับได้ทั้งสองฝ่าย และมีปัจจัยที่กำหนดราคาที่ดิน คือ อยู่ตรงจังหวัดไหน คนมีกำลังซื้อไหม 
เป็นจังหวัดที่นักท่องเที่ยวเยอะไหม มีแหล่งท่องเที่ยวไหม ที่ดินสวยไหมติดถนนไหม เป็นต้น
สมมติถ้าเราซื้อที่ดินตอนปี 2556 จะมาขายตอนนี้ในจังหวัดเล็กๆและเศรษฐกิจไม่ดี ถ้าเทียบกับ กทม หรือเมืองท่องเที่ยว ผลตอบแทนเราอาจไม่ได้ได้เยอะเท่าหุ้นก็ได้
3. เราไม่ใช่ผู้หยั่งรู้เราไม่รู้หรอกว่า หุ้น ทอง หรือ ที่ดินจะขึ้น เราทำได้แค่เอาข้อมูลในอดีตมาหาความน่าจะเป็นว่าจะเป็นยังไงในอนาคต แต่ไม่สามารถรู้อนาคต 100% 
4. มันจะดีกว่าไหม ถ้ากระจายความเสี่ยง ลงหุ้น ทอง หรือที่ดินในอัตราส่วนของเราที่เรารับความเสี่ยงได้ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปรียบเทียบผลตอบแทนและความเสี่ยงการซื้อแฟรนไชส์ร้านกาแฟระดับประเทศกับการลงทุนในหุ้น PTT

เชื่อว่าหลายๆท่านที่ไม่มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ส่วนใหญ่จะมีความฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองซักอย่างนึง อยากเป็นเจ้านายตัวเองไม่ต้องเป็นลูกน...