วันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

โลกเปลี่ยนแปลงไปทางในที่โหดร้ายขนาดนี้จะลงทุนยังไงในโลก 4.0 ใบนี้ในอนาคต ตอนที่สอง ลงทุนแบบพอเพียง ในหุ้น ที่ดิน ทองคำ

ต่อจากเมื่อวานที่ผมเขียนบทความ โลกเปลี่ยนแปลงไปทางในที่โหดร้ายขนาดนี้จะลงทุนยังไงในโลก 4.0 ใบนี้ในอนาคต ตาม Link https://bit.ly/2I8cBw6
เรามาขยายความการลงทุนใน หุ้น ทองคำ ที่ดิน ในโลก 4.0 กันต่อนะครับ
ผลตอบแทนระหว่าง หุ้น ทองคำ ที่ดิน ผมได้เขียนบทความไว้ว่าอันไหนดีกว่ากัน ตาม Link https://bit.ly/2K3OAGP
สรุปคือ ผลตอบแทนของหุ้น ทองคำ ที่ดิน อันไหนดีกว่าต้องดูที่ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่เวลาตลอดไป 
บางช่วงเวลาทองจะดีกว่าอย่างอื่นเช่น ปี 2007-2011 ถ้าซื้อทองตอนปี 2007 แล้วขายตอน ปี 2011 กำไรจะมากกว่าหุ้น ณ ช่วงเวลาเดียวกัน แต่หลังปี 2009 จนวันนี้ ทองคำผลตอบแทนแย่กว่าหุ้นมาก
ผลตอบแทนของราคาที่ดินวัดยากมากกว่า เพราะราคาที่ดินขึ้นอยู่กับผู้ซื้อและผู้ขายตกลงราคาที่รับได้ทั้งสองฝ่าย และมีปัจจัยที่กำหนดราคาที่ดิน คือ อยู่ตรงจังหวัดไหน คนมีกำลังซื้อไหม 
เป็นจังหวัดที่นักท่องเที่ยวเยอะไหม มีแหล่งท่องเที่ยวไหม ที่ดินติดถนนไหม เป็นต้น

ถ้าเราเก็บเงินได้พอสมควรจากการทำงานหรือธุรกิจส่วนตัว แล้วเรามาประเมินตัวเองรับความเสี่ยงได้ขนาดไหน
ถ้ารับความเสี่ยงได้น้อยและเงินทุนน้อย ก็ออมในทอง
ถ้าอยากสบายใจ มีทองเก็บไว้ก็ทยอยซื้อทองแท่งเก็บไว้ ทีละ 1 บาท หรือ 5-10 บาทแล้วแต่เงินทุนเรา 
ถ้าอยากเอาไว้ใส่ด้วยก็ซื้อทองรูปพรรณ แต่ต้องทำใจเวลาขายคืนร้านทองจะโดนหักเยอะกว่าทองแท่ง แถมเวลาซื้อก็แพงกว่าทองแท่งเพราะมีค่ากำเหน็ด
แต่ถ้าเราไม่มีเงินก้อนซื้อทอง เราก็หาร้านทองหรือบริษัททอง ที่มั่นคง เปิดมา 20-50 ปี ทำการออมทอง ส่งเดือนละ 1000 ขึ้นไป
พอครบกำหนดก็เอาทองแท่งออกมาเก็บไว้ที่บ้านได้ แต่ต้องรับความเสี่ยงอาจจะเกิดการร้านทองหรือบริษัทล้ม สูญหมดเลย.......นะครับ

ข้อดีของการลงทุนในทองคือ สภาพคล่องสูง
เวลาเราต้องใช้เงินด่วน เวลาป่วย เราสามารถแบ่งทองไปขายได้หรือจำนำ เอาเงินที่เราใช้จำเป็น และพอมีเงินก็กลับมาซื้อทองต่อได้
ไม่เหมือนที่ดิน ถ้าเราซื้อมา เราต้องขายทั้งผืนหรือแบ่งขาย จะมีระยะเวลาที่ขายนานกว่าทอง บางทีประกาศขายที่ 2 ปียังไม่มีคนสนใจถ้าที่ดินไม่สวย ทำเลไม่ดี
สมมติเราเดือดร้อนเงินไม่เยอะ ใช้เงินไม่นาน เราก็ไม่อยากขายทั้งผืนที่ดิน เราก็ต้องยอมจำใจขายทั้งผืน  เราก็ต้องรอมีคนมาซื้อ
ทองใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ขายได้เลย
อีกอย่างถ้าเราเก็บทองไปเรื่อยๆ สมมติเราจะแต่งงาน เราก็มีสินสอดเป็นทองคำ เป็นหน้าเป็นตาให้แก่ฝ่ายเจ้าบ่าวเจ้าสาวอีกด้วย 555
ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานหลายพันปี เป็นทรัพย์สินที่ปกป้องการด้อยค่าของเงินได้ดีเมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก
เวลาเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ไร ทองคำมีแต่พุ่งเอาๆ พอๆกับเงินเฟ้อ ทำให้มูลค่าเงินของเราที่ลงไปในทองไม่เสื่อมค่า
เมื่อก่อนรุ่นอาม่าผม ทองคำบาทละ 400 ในตอนนั้นข้าวจานละบาท
ตอนนี้ทองคำจะ 20000 บาท ข้าวจานละ 50 บาท จะเห็นได้ว่าเงินเฟ้อไม่สามารถทำอะไรทองคำได้ ทองคำปกป้องการด้อยค่าของเงินจากเงินเฟ้อได้จริงๆ
หันกลับมามองที่ดินในการลงทุน ข้อดีของที่ดินที่ผ่านมา คือมีแต่มูลค่าเพิ่มขึ้น
แต่!!!!!!!!!!! ต่อไปนี้ความเชื่อที่ว่าที่ดินมีแต่มูลค่าเพิ่มขึ้นจะใช้ได้ไหมในโลก 4.0 ต่อไปนี้
เพราะไทยเราเป็นสังคมผู้สูงอายุภายใน 10 ปีนี้ ในเมื่อคนเกิดน้อย ความต้องการที่อยู่อาศัยก็ต้องน้อยกว่าเดิม เหมือนเช่นญี่ปุ่น 
ราคาบ้านที่ญี่ปุ่นเนื่องจากคนเกิดน้อย ลดลงมาตั้งแต่ปี 2000 อนาคตไทยเรากำลังเดินตามญี่ปุ่นในเรื่องคนเกิดน้อยและสังคมผู้สูงอายุ
ไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่าราคาบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์จะไม่ร่วงลงมาเหมือนญี่ปุ่น 
แต่ที่แน่ๆ ถ้าอยากจะลงทุนในที่ดิน ควรจะลงทุนในเมืองท่องเที่ยวมากกว่าเมืองเล็กๆ แต่ข้อเสียคือราคาจะสูงเกินไปเกินกำลังเรา
ถ้าเรายิ่งกู้อีก ความเสี่ยงในการลงทุนก็เพิ่มมากขึ้นถ้าเกิดวิกฤตเศรษฐกิจแบบปี 2540
พูดแล้วขนลุกเลยครับ ขออย่าให้เกิดเลยครับ สาธุ


ถ้าเรายังหนุ่มยังแน่นมีแรงมีกำลัง มีไฟ รับความเสี่ยงได้มาก เราก็ลองมาพิจารณาลงทุนในหุ้น
หุ้นข้อดีเหมือนทองคำหรือ สภาพคล่องสูง ทยอยซื้อตามเงินที่เรามีได้
มีข้อดีอีกอย่างคือ ถ้าเราลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี เราก็จะได้เงินปันผลเพิ่มเติม ตรงนี้ดีกว่าทองคำไม่มีเงินปันผล
หุ้นบางตัวพื้นฐานดีมาก ลงทุนระยะยาว 10-20 ปี ได้เงินปันผลพร้อมกับมูลค่าที่เพิ่มขึ้นมาเหมือนทองคำเลยครับ
เช่นหุ้น PTT, SCC, CPF ที่ 10-20 ปีที่แล้วราคาไม่กี่บาท ตอนนี้พุ่งเกิน 300% ทุกตัว
เป็นทางเลือกที่น่าสนใจนะครับ 

ทั้งนี้ทั้งนั้น เราต้องประเมินตัวเอง เรารับความเสี่ยงได้มากแค่ไหน ความเสี่ยงของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนรับได้มากบางคนรับได้น้อย
เพราะต่อไปนี้ความเสี่ยงในโลก 4.0 จะเพิ่มมากขึ้น อะไรๆที่ผ่านมาทำแล้วดี ต่อไปนี้อาจจะไม่ดีก็ได้ เทคโนโลยีทำให้เปลี่ยนไปไว
การแข่งขันในโลก 4.0 มากยิ่งขึ้น ผู้แพ้ในโลกระบบทุนนิยมก็โดนกำจัดออกตามธรรมดาของโลกมนุษย์ที่เรียกว่า Natural Selection ผู้ที่เข้มแข็งเท่านั้นที่จะอยู่รอด
ทางเลือกที่น่าสนใจคือการกระจายความเสี่ยงลงทุนในหุ้น ทองคำ ที่ดิน พร้อมๆกัน(ถ้าพอมีกำลังเงินมาก)
ถ้ากำลังทรัพย์ลดลงก็เลือก หุ้นกับทองคำก่อน หรือ ตัวใดตัวนึงก่อนก็ได้ครับ แล้วแต่เรา

เราไม่ต้องมองหรือสนใจใครจะรวยร้อยล้านพันล้าน บางคนเค้าเก่งมากไม่หยุดพัฒนาตัวเอง จังหวะโอกาสได้เค้าก็ทำร้อยล้านพันล้านได้
เรามีแค่ 1-10 ล้านและมีรายได้เรื่อยๆจากการลงทุนตลอดเวลา เราก็มีความสุขได้
ความสุขของเศรษฐกิจแบบพอเพียงที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระองค์สอนเราหลายสิบปี

เราแค่พัฒนาตัวเองตลอดเวลา อดออมประหยัดคำนึงถึงความไม่แน่นอนและความเสี่ยงเสมอ
เลือกลงทุนให้เหมาะกับเรา ให้เราอยู่ในโลก 4.0 ใบนี้ได้อย่างมีความสุข

ขอให้พระคุ้มครองทุกท่านลงทุนแล้วมีกำไรตลอดทุกท่านนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปรียบเทียบผลตอบแทนและความเสี่ยงการซื้อแฟรนไชส์ร้านกาแฟระดับประเทศกับการลงทุนในหุ้น PTT

เชื่อว่าหลายๆท่านที่ไม่มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ส่วนใหญ่จะมีความฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองซักอย่างนึง อยากเป็นเจ้านายตัวเองไม่ต้องเป็นลูกน...