วันพุธที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2561

แจ๊คหม่า แห่ง Alibaba ยกทัพลงทุนที่ไทย สวรรค์หรือฝันร้ายไทยในระยะยาว???

ช่วงนี้ข่าวท่านแจ๊ค หม่า ที่จะยกทัพมาลุยทุนในไทยโดยคือการลงทุนของอาลีบาบาในพื้นที่อีอีซี (Eastern Economic Corridor : EEC) รวมถึงโครงการความร่วมมือเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลและส่งเสริมบุคลากรไทยในการพัฒนาทักษะและขีดความสามารถด้านดิจิทัลอีคอมเมิร์ซ โดยมีแผนที่จะร่วมมือกัน คือ  
1) โครงการลงทุนสร้างศูนย์ Smart Digital Hub ใน พื้นที่ EEC โดยศูนย์ฯ นี้จะอาศัยเทคโนโลยีระดับโลกของอาลีบาบาในด้านการประมวลข้อมูลโลจิสติกส์เพื่อทำให้การขนส่งสินค้าระหว่างไทยกับจีน การขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนสู่ประเทศเพื่อนบ้าน (CLMV) และไปยังที่อื่นทั่วโลก 
2) โครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาบุคลากรในด้านดิจิทัลและการส่งเสริมธุรกิจผ่าน E-Commerce ซึ่งอาลีบาบาจะร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
3) โครงการร่วมส่งเสริมพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลอีคอมเมิร์ซสำหรับผู้ประกอบการ SME และ Startup ของไทย เพื่อยกระดับขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีดิจิทัลโดยเน้นให้ผู้ประกอบการมีความเข้าใจ 

​4) อาลีบาบา จะร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท) ในการจัดทำ Thailand Tourism Platform สำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะเพื่อจัดกิจกรรมด้านการตลาดร่วมกันบนออนไลน์แพลทฟอร์มที่สามารถเชื่อมโยงกับสื่อและช่องทางต่างๆ ของ ททท. รวมทั้งจะร่วมมือกันในด้านการใช้ข้อมูลทางการท่องเที่ยว (Tourism Big Data) เพื่อเจาะลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนร่วมมือกันส่งเสริมการท่องเที่ยวในไทยให้รองรับกับยุทธศาสตร์และแนวทางการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเมืองรองและการท่องเที่ยวในระดับชุมชนของรัฐบาล
5) กระทรวงพาณิชย์จะร่วมมือกับอาลีบาบาในการเปิดตัว Thai Rice Flagship Store บนเว็บไซต์ Tmall.com เพื่อสนับสนุนการขายข้าวไทยทางออนไลน์ในจีน ซึ่งจะช่วยผลักดันให้เกษตรกร ผู้ประกอบการและผู้ส่งออกข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าวสามารถเข้าถึงตลาด E-commerce ในจีนได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งสอดรับกับเทรนด์ในปัจจุบันที่สินค้าไทยกำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าเกษตรและอาหารของไทย

อ่านดูแล้วเหมือนไทยได้เปรียบและน่าสนใจมากนะครับ ที่แผน 5 ข้อจะทำให้เศรษฐกิจไทยและผู้ประกอบการไทยจะดีขึ้นเรื่อยๆ ต่อไปในอนาคต
แต่ถ้าลองมองอีกมุมในความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ ถ้าวิเคราะห์ทีละข้อมันเหมือนฝันร้ายของบริษัทและ SMEs ไทยในอนาคตเลยนะครับ
วิเคราะห์เป็นข้อๆนะครับ เรื่องดีๆที่ท่านแจ๊คหม่ามาลงทุนมีคนวิเคราะห์ไปเยอะละ แต่ข้อที่น่ากังขาและน่าห่วง มีดังต่อไปนี้

1.โครงการลงทุนสร้างศูนย์ Smart Digital Hub ใน พื้นที่ EEC ถ้าพี่แจ๊คหม่า ซึ่งเป็นร่างทรงของจีน ที่ส่งมาตีหัวเมือง เค้าได้ประโยชน์เต็มๆคือ big data ของระบบโลจิกติกส์ เค้าสามารถประมวลผลส่งสินค้าจากจีนมาไทยได้ไวขึ้นและต้นทุนในการส่งถูกลง ขายสินค้าได้ราคาเท่าเดิมหรือถูกลง
ซึ่งเป็นที่น่ากลัวตรงที่ จีนเป็นประเทศใหญ่มาก โรงงานมีเป็นหลายล้านโรงงาน เมื่อการบริโภคเมืองจีนเริ่มตัน สินค้าที่ผลิตออกมาก็ขายในประเทศตัวเองก็ไม่เติบโต แต่โรงงานจากจีนต้องผลิตสินค้าทุกวัน เพราะจะต้องจ่ายค่าแรงให้คนจีนทุกวันเพื่อให้คนจีนมีกินมีใช้ ให้เศรษฐกิจเติบโต
เค้าก็ใช้ Hub ตัวนี้เพื่อกระจายสินค้าทั้งหมดของจีนไปในอาเซียนทั้งหมด เพื่อเอารายได้ให้คนจีนในระยะยาว
ถ้าถามว่าไทยจะสู้สินค้าต้นทุนจากจีนได้หรือป่าว 
ไทยเราสู้ได้บางอย่างแต่ส่วนใหญ่สู้ไม่ได้ครับในเรื่องราคา

2. โครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาบุคลากรในด้านดิจิทัล และโครงการร่วมส่งเสริมพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลอีคอมเมิร์ซสำหรับผู้ประกอบการ SME และ Startup ของไทย อันนี้ไทยได้เปรียบเพราะจะได้ความรู้แลกเปลี่ยนจากจีน มาพัฒนาศักยภาพของไทนเรา
แต่อย่าลืมนะครับ ถ้าไทยมีไอเดียเจ๋งๆไปเสนอท่านแจ๊คหม่า และเค้าว่าไอเดียสุดยอด ทำเงินได้มากมายมหาศาล เค้าอาจจะลอกเลียนแบบมาทำก่อนนะครับ 
เพราะผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร

3.อาลีบาบา จะร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท) ในการจัดทำ Thailand Tourism Platform สำหรับประเทศไทย 
มองดูเผินๆ ไทยเราได้ประโยชน์มากมาย รายได้จากการท่องเที่ยวจากคนจีนมากมาย แต่ช้าก่อนนะครับ ตอนนี้คนจีนใช้ Alipay มากมายในไทย
ร้านใหญ่ๆตามเมืองท่องเที่ยวก็รับชำระผ่าน Alipay คนจีนซื้อของในไทย แต่เงินจะเข้าที่ Alipay ที่จีนก่อนแล้วทางท่านแจ๊คหม่าจะหักส่วนแบ่งของเค้าแล้วจ่ายคืนร้านค้าในไทย
ท่านแจ๊คหม่าและจีน มีแต่ได้กับได้ รายได้จากนักท่องเที่ยวจีนไม่ได้เข้าไทยแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยเลย 
แถมข้อมูลทั้งหมดของร้านค้าที่รับ Alipay ในไทยก็ส่งเข้าที่จีนเป็น big data นำมาประมวลผลต่อยอดดูดเงินจากคนไทยเข้าจีนอีกต่างหาก ได้กำไรสามสี่ต่อเลยครับ

4. กระทรวงพาณิชย์จะร่วมมือกับอาลีบาบาในการเปิดตัว Thai Rice Flagship Store บนเว็บไซต์ Tmall.com เพื่อสนับสนุนการขายข้าวไทยทางออนไลน์ในจีน ซึ่งจะช่วยผลักดันให้เกษตรกร อันนี้ดูแล้วไทยน่าจะได้เปรียบเพราะได้ช่องทางการระบายข้าในตลาดจีนที่ใหญ่มาก เราจะได้รายได้เพิ่ม 

มองดูแต่ละข้อแล้ว ไทยน่าจะเสียเปรียบจีนในอนาคตระยะยาว ช่วงแรกๆท่านแจ๊คหม่าและจีน คงต้องใช้กลยุทธ์แสร้งถอยเพื่อรุก ยอมเสียเปรียบเพื่อกินรวบทั้งกระดานในอนาคต
คนจีนเป็นคนหัวการค้า เค้าปลูกฝังการค้าตั้งแต่เด็กๆ รู้จักพลิกแพลง ปรับเปลี่ยนให้อยู่ในสังคมได้ เพราะเมืองเค้าประชากรเยอะ การแข่งขัน ความลำบากจะมากกว่าที่อื่น
การโตมาเพื่อให้อยู่ในสังคมแบบนี้ได้ ต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งที่จิตใจระดับที่สูงมาก ไม่กลัวความลำบากกว่าคนไทย
แต่ไทยเราไม่มีทางเลือกมากนัก เพราะเราต้องการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะที่เศรษฐกิจไทยชะลอตัว
ในอนาคตจะเป็นผูู้สูงอายุ คนเกิดน้อย เศรษฐกิจน่าจะฟุบถ้าไม่ทำอะไร 
ตัวเลือกที่ดึงท่านแจ๊ค หม่า กับจีนมาลงทุนเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้

แต่อนาคตไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นกับ บริษัทและ SMEs ไทย เมื่อสินค้าจีนทั้งหมดทะลักเข้ามาในไทยโดยไม่มีการควบคุมหรือป้องกันไม่ให้แข่งขันเรื่องราคา
เมื่อราคาสินค้าของจีนถูกกว่าและคุณภาพพอๆกับบริษัทในไทย (สินค้าจีนตอนนี้คุณภาพระดับโลกแล้วนะครับ เช่น Xioami และบริษัทใหญ่ๆในโลกก็จ้างจีนผลิต)
แล้วไทยเราจะเอาอะไรไปสู้กับเค้า........

บางทีก็เข้าใจ อมเริกา ทรัมป์นะครับ ที่เปิดศึกสงครามการค้า กับจีน เพราะเค้ารู้ว่าตอนนี้สินค้าอเมริกาต้นทุนสู้จีนไม่ได้เลย
และการผลิตและขายในอเมริกาก็กำลังจะแย่ลงไปเรื่อยๆ
แล้วอนาคตไทยเราจะเดินตามอเมริกาหรือไม่ น่าคิดนะครับ


บทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ในฐานะ SMEs ตัวเล็กๆคนหนึ่ง
ส่วนตัวผมก็ได้แต่วางแผนรับมือในอนาคตต่อไปถ้าสิ่งที่มองมันเป็นจริงๆ







สามารถติดตาม บันทึกการเทรดหุ้นและ Forex จาก เพจของผมได้ที่ https://www.facebook.com/merchantetrader/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปรียบเทียบผลตอบแทนและความเสี่ยงการซื้อแฟรนไชส์ร้านกาแฟระดับประเทศกับการลงทุนในหุ้น PTT

เชื่อว่าหลายๆท่านที่ไม่มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ส่วนใหญ่จะมีความฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองซักอย่างนึง อยากเป็นเจ้านายตัวเองไม่ต้องเป็นลูกน...