วันเสาร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2561

สงครามการค้าระหว่างอเมริกากับจีน ช้างสารชนกัน หญ้าแพรกอย่างไทยเราจะโดนลูกหลงแน่ๆ

ตอนนี้โลกของเรากำลังทำสงครามกันระหว่าง เจ้าโลกในปัจจุบันอย่างอเมริกา และว่าที่เจ้าโลกคนต่อไป คือพี่จีน 
สงครามไม่ใช่การสู้รบส่งทหารไปฆ่าฟันกันเหมือนในอดีต
แต่เป็นสงครามการค้าที่เอาความเป็นอยู่ เศรษฐกิจของคนในประเทศเป็นตัวประกัน
เจ้าโลกในปัจจุบันเปิดฉากก่อนด้วยการลงนามในทรัมป์ เรียกเก็บภาษีนำเข้า เหล็ก 25% และอลูมิเนียม 10% แต่ยกเว้นให้กับประเทศพันธมิตร 6 ราย เช่นยุโรป แต่ยกเว้น จีนเป็นหลัก
ว่าที่เจ้าโลกคนต่อไป จีน ก็โมโห เริ่มตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ 128 รายการ โดย 120 รายการ ขึ้นภาษี 15% และอีก 8 รายการขึ้นภาษี 25% รวมมูลค่าประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์
มีหลายท่านที่เก่งๆเศรษฐศาสตร์มหภาค วิเคราะห์ได้น่าสนใจมากครับ
แต่วันนี้ผมจะลองมาเล่าในมุมพ่อค้าการค้าการทำธุรกิจ อีกมุมนึงนะครับ เป็นความเห็นส่วนตัว ไม่มีผิดถูกนะครับ 
ถ้าไปค้นข้อมูลมา จะเห็นได้ว่าอเมริกามีหนี้มหาศาลมากครับ และจีนคือเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของอเมริกาา
งั้นเราลองมองในมุม เจ้าหนี้กับลูกหนี้กันดีกว่า 
สมมติ จีนเป็นธนาคารที่ปล่อยกู้ให้บริษัทนึง คือ อเมริกาคือบริษัทหนึ่งที่มีเครดิตดีใหญ่คับฟ้า ขอกู้ทีไรธนาคารต้องให้เพราะเกรงใจ (ทั้งๆที่ไม่ค่อยคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย)
สมมติธนาคารปล่อยกู้ห้าพันล้านบาทให้บริษัท
เมื่อธนาคารปล่อยกู้แล้วเค้าก็ต้องหวังเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคืน ไม่งั้นธนาคารก็จะมีปัญหาเรื่องสภาพคล่องและ NPL อาจจะทำให้ธนาคารล้มได้
แต่บริษัทรูู้จุดอ่อนข้อนี้ดี ทำให้เป็นข้อได้เปรียบเจรจาต่อรองธนาคาร แบบว่าอย่าบีบคั้นกันมากเกินไปนะ ไม่งั้นข้าล้มแกก็ล้ม เอาไหมจะแลกกันไหม ประมาณนี้
ธนาคารไม่รู้จะหาทางแก้ไขยังไงเพราะปล่อยเงินกู้ไปแล้ว อ้อยเข้าปากช้างแล้ว ก็ได้แต่ปล่อยๆไป รอว่าซักวันบริษัทจะมีเงินมาคืนได้
อเมริกาก็เหมือนบริษัทที่ใช้เงินเกินตัวเอาเงินมาถลุงเล่น มีแต่รายจ่ายที่สูงมาก ไม่มีกำไรเลย มีแต่ขาดทุน
ก็ได้แต่ขอกู้เพิ่มเรื่อยๆ จีนไม่รู้จะทำยังไง ก็ชะลอให้กู้บ้างหรือให้กู้น้อยลงบ้าง กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะทวงหนี้ก็ไม่มีจ่าย จะฟ้องล้มละลายก็ใหญ่คับฟ้าเหลือเกิน
อารมณ์ประมาณถ้าบริษัทล้มละลาย ธนาคารก็จะล้มไปด้วย เพราะชะตาชีวิตผูกกัน
จีนกับอเมริกาก็มีชะตาเศรษฐกิจทั้งหมดผูกซึ่งกันและกัน ยึกยักกันไปมา
มาคราวนี้เริ่มสงครามการค้าย่อมๆ ทำให้จีนต้องหาทางรับมือ เพราะลูกหนี้หัวหมอเหลือเกิน
สงครามนี้ไม่มีใครเดาออกว่าจะมาไม้ไหม จะออกรูปแบบใด เพราะจีนยังไม่เริ่มรุกไล่ต้อนเท่าไร แค่หยั่งเชิง
แต่ระดับอเมริกา ผู้เป็นเจ้าของระบบทุนนิยม สุดขั้ว รู้จุดอ่อน จุดแข็งของระบบทุนนิยมดี เกิดบ้าขึ้นมาจะทำให้แย่กันทั่วโลก
จีนก็ได้แต่วางกลยุทธ์ วางหมากเพื่อป้องกันอเมริกาา โดยกลยุทธ์ทำยังไงก็ได้ไม่ให้เศรษฐกิจจีนและประเทศจีนพัง
ตอนนี้ดูแล้วจีนก็ยังคิดกลยุทธ์ไม่ออก ทำได้ประวิงเวลาไปเรื่อยๆ เผื่อซักวันอาจจะมีแผนดีดี

ลองกลับมามองที่ไทย ถ้าให้เปรียบเทียบ เราก็เป็นคู่ค้าของธนาคาร (จีน)และบริษัท (อเมริกา) 
ฝ่ายไหนชนะหรือแพ้เราก็โดนลูกหลงอยู่ดี จะโดนมากหรือน้อยไม่มีใครรู้เพราะสงครามยังไม่จบเรานับศพทหารไม่ได้

แต่เชื่อเถอะ เอาจริงๆถึงเวลาที่จีนหรืออเมริกาต้องเลือก เค้าต้องเลือกประเทศเค้าให้รอดก่อนอยู่แล้ว
โดยไม่สนประเทศไหนทั้งสิ้น
เหมือนเรามีบริษัท และบริษัทกำลังจะล้มละลาย ถ้ามีทางรอด เราก็ไม่สนใจคนอื่นแน่นอน

แต่ก็ไม่แน่นะครับ บางทีสองยักษ์อาจจะจับมือกันรอด โดยไม่สนใจว่าประเทศอื่นเป็นยังไงก็ได้นะครับ

สงครามครั้งนี้ตลาดหุ้นไทยยังไงก็ต้องเตรียมตัว ที่ช้างสารชนกันหญ้าแพรกกระเทือนแน่นอน


เน้นอีกครั้งนะครับ มุมมองส่วนตัวนะครับ 

ขอบคุณภาพจาก Stock2morrow ครับ

ที่มาของรูปภาพ https://siamrath.co.th/n/30685

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปรียบเทียบผลตอบแทนและความเสี่ยงการซื้อแฟรนไชส์ร้านกาแฟระดับประเทศกับการลงทุนในหุ้น PTT

เชื่อว่าหลายๆท่านที่ไม่มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ส่วนใหญ่จะมีความฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองซักอย่างนึง อยากเป็นเจ้านายตัวเองไม่ต้องเป็นลูกน...